Tuesday, December 17, 2013

วัดหวังต้าเซียนฮ่องกง Wong Tai Sin Temple Hong Kong - กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron



กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron






กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


Sunday, December 15, 2013

Hong Kong In Love ภาพเบื้องหลังกับ Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


คำเตือน: กระทู้นี้อาจมีภาพที่กระทบกระเทือนจิตใจและสุขภาพจิตคนโสด (และคนที่กำลังอกหัก) โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron

ไม่รู้ทำไมแต่ที่ Hong Kong เหมือนจะมีคู่รักให้เห็นเยอะมากกก และแต่ละคู่ก็แสดงความรักกันออกนอกหน้าเหลือเกิน (ไม่ได้อิจฉาเล้ยยย)

กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron

สำหรับคนที่กำลังโสดหรืออกหักอยู่มันช่างเป็นภาพที่ทิ่มแทงจิตใจจริงๆ แต่ถ้าคิดว่าดูภาพเหล่านี้แล้วมันจี๊ดลองคิดดูว่าถ้าอยู่ที่นั่นจะขนาดไหน บรรยากาศนั้นให้สุดๆ วิวแสงไฟของเมืองสวยๆเป็นฉากหลังกับลมเย็นๆและเสียงคลื่นจากทะเล แล้วต้องมาเดินดูคนอื่นเขาหวีดกัน :(

กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron
 
ตอนนี้อาจจะเริ่มเดาได้แล้วว่าทำไมกระทู้นี้ถึงมีชื่อว่าภาพเบื้องหลัง 555

กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron


ขนาดช่างภาพคนอื่นๆยังมากันเป็นคู่ T-T

กล้อง Sony A7r กับเลนส์ Leica 50mm f2 Summicron

Saturday, November 23, 2013

ทดสอบ ISO ของ Sony A7r ในสภาพแสงน้อย

ในที่สุดเมื่อวานผมก็ได้ไปรับกล้อง Sony A7r มาจากที่ร้านหลังจากที่รอคอยมานาน กว่าจะกลับมาถึงบ้านแล้วเอามาชาร์ตแบตจนเต็มก็ตกเย็นแล้วเลยตัดสินใจลองเอาออกไปถ่ายตอนเย็นๆถึงช่วงกลางคืนดูจะได้ทดสอบว่าความสามารถในการใช้ ISO สูงๆและถ่ายในที่แสงน้อยของกล้องตัวนี้ทำได้ดีแค่ไหน ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นจุดสำคัญสำหรับกล้องตัวนี้เพราะด้วยขนาดและน้ำหนักของมันแล้วเหมาะกับการถ่ายภาพแบบ Street มากซึ่งหลายๆคน (รวมถึงผมด้วย) ก็คงจะกะเอาไปใช้อย่างนั้น ด้วยการถ่ายแบบนี้ที่ไม่ใช้ขาตั้งและอาจต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ค่อนข้างสูงในบางครั้งเพื่อหยุดภาพของคนที่เราจะถ่ายให้นิ่งและคม หลายๆครั้งจึงต้องยอมใช้ ISO ที่ค่อนข้างสูง

Sony A7r ISO 2000
รูปทั้งหมดถ่ายด้วย RAW นะครับแต่ตอน process ไม่ได้ใส่ sharpening หรือ noise reduction เลย

100% Crop คลิกที่รูปแล้วคลิกขวาแล้วเลือก "View Image" เพื่อดูขนาดเต็ม

Sony A7r ISO 4000
100% Crop คลิกที่รูปแล้วคลิกขวาแล้วเลือก "View Image" เพื่อดูขนาดเต็ม
Sony A7r ISO 6400
100% Crop คลิกที่รูปแล้วคลิกขวาแล้วเลือก "View Image" เพื่อดูขนาดเต็ม
ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่หลังจากที่ดูภาพแล้วก็คงจะไม่คิดว่า "สุดยอดมาก" ถ้าเทียบกับ Canon EOS M ที่ผมใช้อยู่นั้นอาจพูดได้ว่าความสามารถ ISO พอๆกันหรือ Canon EOS M อาจจะดีกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่แย่เพราะกล้องตัวนั้นใช้ Sensor เดียวกับของ 7D ที่ขึ้นชื่อในด้านของการถ่ายในที่มืด แต่ Sensor ตัวนั้นก็ออกมาค่อนข้างนานแล้วเราจึงอาจคาดหวังไว้ว่ากล้องที่พึ่งออกมาใหม่ล่าสุดน่าจะทำได้ดีกว่านั้น แต่ต้องอย่าลืมว่าการเทียบรูปจากกล้องทั้งสองที่ 100% นั้นอาจไม่ยุติธรรมเท่าไหร่เพราะ Sony A7r นั้นมีความละเอียด pixel อยู่เยอะกว่ามาก ถาพที่ 100% ของมันนั้นจะซูมเข้าไปใกล้กว่าพอสมควร ถ้าเราเทียบรูปของกล้องทั้งสองที่ขนาดเดียวกันแล้วละก็ต้องบอกว่ารูปของ Sony A7r นั้นดูดีกว่าพอสมควร นอกจากนั้นแล้วดูเหมือนว่าภาพจะเก็บรายละเอียดได้มากกว่าซึ่งก็หมายความว่าเราจะสามารถใส่ noise reduction ได้มากกว่าด้วยโดยที่ภาพไม่เบลอจนกลายเป็นสีน้ำ

โดยรวมแล้วผมก็คาดไว้ว่าน่าจะทำได้ประมาณนี้แล้วก็เป็นอย่างที่คาดซึ่งผมก็ค่อนข้างพอใจ (ถึงแม้อาจจะแอบหวังอยู่เล็กๆว่าจะทำได้ดีเกินคาดแต่ก็ไม่เป็นไร)

Monday, November 18, 2013

รูปภาพตลาดน้ำขวัญเรียม - Canon EOS M กับเลนส์ Carl Zeiss 35mm f2 Biogon



หลังๆรู้สึกว่ามีตลาดน้ำใหม่ๆสร้างขึ้นมาหลายแห่งวันก่อนเลยลองเลือกไปเยี่ยมเยียนอันที่ใกล้บ้านที่สุดซึ่งก็คือตลาดน้ำขวัญเรียมนั่นเอง ไหนๆจะไปอยู่แล้วก็เลยติดกล้อง Canon EOS M อันเล็กกับเลนส์ Carl Zeiss 35mm f2 Biogon ไปด้วย


ต้องยอมรับว่าตลาดน้ำขวัญเรียมนี้ทำดีกว่าที่ผมคิดไว้มากเลย คือบรรยากาศร่มรื่นมาก เดินสบายและของกินอร่อยๆก็เยอะมาก


โดยเฉพาะร้านที่เป็นเรืออยู่ในน้ำ ต้องบอกว่าน่ารักน่านั่งมาก


ชีวิตนี้ช่างสบายจริงๆ

ขนาด 100% ให้คลิกที่รูปเสร็จแล้วคลิกขวาแล้วเลือก "view image"

อย่างที่เคยบอกไปแล้วการจะใช้เลนส์มือหมุนกับ Canon EOS M แล้วโฟกัสให้แม่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หลายๆรูปพอมาดูที่ 100% ในคอมแล้วเหมือนจะโฟกัสพลาดไปหน่อย แต่รูปไหนที่โฟกัสมาได้แม่นๆต้องบอกว่าคุณภาพของภาพที่ได้นั้นดีมากจริงๆ อาจดีพอๆกับใช้เลนส์เดียวกันบนกล้อง Leica M9 เลย


หมูตัวเดิมอีกไม่กี่นาทีต่อมา (ล้อเล่นนะครับ)

Saturday, November 9, 2013

ไปดู Calypso Cabaret Show (สาวประเภทสอง) ที่ Asiatique พร้อมทดสอบการ manual focus ของกล้อง Canon EOS M

ISO 100 f2

หลายๆคนบบ่นกันมาว่าระบบ auto-focus ของกล้อง Canon EOS M นั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่และถือว่าเป็นจุดอ่อนหลักของกล้องเลย ส่วนใหญ่แล้วผมใช้กล้องตัวนี้กับเลนส์มือหมุน M-Mount จุดนี้จึงอาจไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่!!! การ manual focus กับกล้องกันนี้ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน

ISO 100 f2

หลังจากที่ใช้กล้องนี้มาพักหนึ่งแล้วผมรู้สึกว่าการ manual focus นั้นไม่ยากเท่าไหร่ ถ้า!!! สิ่งที่ต้องการจะถ่ายนั้นขยับไม่ได้ (ไม่มีชีวิต) และเรามีเวลาในการถ่ายภาพๆนั้นอย่างไม่จำกัด เพราะอย่างแรกเลยกล้องนี้ไม่มีระบบ Peaking :( การจะ focus ดีๆนั้นต้องกดปุ่มบน touch screen ด้านหลังของกล้อง กดครั้งแรกจะขยายภาพ x5 ถ้ากดอีกครั้งก็จะขยายภาพเป็น x10 ทีนี้เราก็พยายามหมุนโฟกัสให้ชัด

ISO 200 f2
แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบอย่างนึงก็คือเมื่อหมุนโฟกัสจนชัดแล้วถ้ากล้องอื่นเวลาเราแตะ shutter กล้องก็จะนำภาพกลับมา x1 เหมือนเดิมเพื่อให้เราจัดองค์ประกอบของภาพ แต่สำหรับเจ้า Canon EOS M ตัวนี้เราจะต้องกดปุ่นที่ touch screen อีกครั้งเสร็จแล้วค่อยยกมือกลับไปที่ shutter ซึ่งระหว่างที่ขยับมือไปมานี้โฟกัสอาจจะเคลื่อนได้โดยเฉพาะเวลาที่ใช้ F กว้างๆ

และเพราะไม่มีระบบ Peaking การที่จะตามโฟกัสคนที่เคลื่อนไหวไปมาตอนที่ซูมอยู่ x10 นั้นค่อนข้างยากอยู่ไม่น้อย

ISO 6400 f2

ถึงอย่างไรก็ตามผมก็ยังลองเอากล้องตัวนี้ไปด้วยตอนที่ไปดู Calypso Cabaret Show (สาวประเภทสอง) ที่ Asiatique เพื่อจะดูว่าเป็นไปได้ไหมที่จะพอได้ภาพที่สวยในสถานการณ์ที่ค่อนข้างยากและสภาพแสงที่ท้าทายโดยใช้ manual-focus

ISO 800 f2
เป็นไปตามคาดการถ่ายด้วยกล้องนี้ในสถานการณ์อย่างนี้นั้นไม่ง่ายเลยและหลายๆครั้งการที่จะซูมเข้าไป x10 เท่าเพื่อโฟกัสแบบแม่นๆนั้นไม่เร็วพอทำได้แค่เพียงกะๆเอาผลก็คือรูปส่วนใหญ่ต้องทิ้งเลยเพราะโฟกัสไม่เข้า แต่สำหรับรูปไหนที่โฟกัสเข้านั้น (หรือไม่พลาดมาก) ผลที่ได้ถือว่าเป็นที่น่าพอใจเลย แล้วยิ่งคิดถึงขนาดและน้ำหนักของกล้องนั้นต้องถือว่าภาพที่ได้มานั้นดีมากจริงๆ

ISO 1600 f2

และถ้าลองคิดดูว่าสถานการณ์อย่างนี้น่าจะเป็นสถานการณ์ที่ลำบากที่สุดสำหรับกล้องตัวนี้แล้ว ภาพที่ได้ทำให้คิดจริงๆว่าจะมีงานไหนที่จะอยากแบก DSLR หนักๆไปด้วยอีกเนี่ย

ISO 100 f2

ISO 320 f2

ISO 2000 f2

ISO 100 f2


ISO 250 f2

Friday, November 8, 2013

เดินเล่นตอนกลางคืนที่ Asiatique The Riverfront กับ Carl Zeiss 35mm f2 M-Mount บน Canon EOS M

ISO 2000 f2

ได้มีโอกาสเอาเจ้า Carl Zeiss 35mm f2 Biogon ประกบกับ Canon EOS M ออกไปเดินเล่นที่ Asiatique มาเมื่อวันก่อน

ISO 400 f2

ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทดสอบคอมโบนี้สำหรับการถ่ายภาพตอนกลางคืนที่แสงน้อยเพราะปรกติผมชอบออกไปเดินถ่ายรูปเล่นตอนกลางคืนอยู่แล้ว และกล้องกับเลนส์ตัวนี้ก็เป็นระบบที่เบาถือสบายมาก ถ้าสามารถให้ภาพที่ดีได้ด้วยแล้วล่ะก็คงดีมิใช่น้อย...

ISO 3200 f2

เพราะแสงที่ค่อนข้างน้อยผมถ่ายด้วย f2 ทุกรูปเลย แต่ขนาดนั้นรูปส่วนใหญ่ก็ต้องใช้ ISO ที่ค่อนข้างสูงอยู่ดี

ISO 4000 f2
แต่ถึงอย่างนั้นผมค่อนข้างพอใจกับรูปที่ได้มากๆเลย ทั้งความคมและภาพที่ไม่แตกจะเกินไป บวกกับความเบาของกล้องผมชักติดใจซะแล้วสิ

ISO 5000 f2

ยังไงถ้าได้ลองทดสอบเพิ่มเติมแล้วจะเอารูปมาแชร์เพิ่มนะครับ

Tuesday, July 2, 2013

D1 Thailand Drift กับ Bangkok Auto Salon 2013 ที่เมืองทองธานี


เมื่อวันก่อนผมคุยกับเพื่อนคนนึง เขาบอกว่าจะไปงานแข่งรถดริฟ D1 Thailand ที่เมืองทองธานีและจะแวะไปงาน Bangkok Auto Salon 2013 ที่จัดอยู่ที่นั่นด้วย "ไปด้วยกันป่ะ" เขาถาม ผมนั่งคิดอยู่แป๊บนึง

อืม...รถแข่งเราก็ไม่ได้ชอบดู ของแต่งรถเราก็ไม่ได้สนใจ (ขนาดงาน Motor Show ยังไม่ไปเลย) ถ่ายรูปพวก Action Sport หรือ Pretty ก็ไม่ใช่แนว...โอเคไปก็ไป เอ๊ะยังไง?!? ไม่ใช่อะไรหรอกครับเรื่องของเรื่องคือพึ่งได้เจ้าเลนส์ Sony 70-300mm f/4.5-5.6 G มา แล้วยังไม่มีโอกาสได้ใช้เลยพูดง่ายๆก็คือเห่อเลนส์ใหม่นั่นเอง 555


ไปถึงเมืองทองตอนประมาณบ่ายสองกว่าๆตอนแรกก็กลัวเหมือนกันว่าฝนจะตกแต่โชคดีวันนั้นฟ้าใสแดดดี (กลับมาตัวดำเลย) ข้างบนเป็นตารางการแข่งขันแต่สรุปแล้วทุกอย่างช้ากว่ากำหนดมาก จากที่จะแห่งเสร็จสี่ทุ่มกลายเป็นเที่ยงคืนกว่า


ตอนไปถึงยังพึ่งแข่งรอบ qualify อยู่ผมเลยไปเดินงาน Auto Salon กันก่อน ข้างบนเป็นรถที่เขาโชว์ไว้หน้าสนามแข่งครับแต่ไม่ได้ใช้แข่งจริง


งานก็ถือว่าไม่เล็กไม่ใหญ่ครับมีรถเยอะดีเหมือนกันแล้วก็มีของแต่งต่างๆที่มาออกบูธกัน


แต่ผมเดินๆดูแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันต่างจากงาน Motor Show เท่าไหร่ เหมือนเป็น Mini Motor Show ที่มีของน้อยกว่างานใหญ่มากกว่า โดยเฉพาะพวกเครื่องเสียงรถยนต์ที่ผมเห็นมีขายอยู่น้อยมากๆ เพื่อนที่ชอบแต่งรถก็บ่นๆเหมือนกันว่าปีนี้เครื่องเสียงน้อย


แต่ก็ดีอย่างนึกตรงที่ว่าคนน้อยกว่ามาก เดินทางมารถก็ไม่ติดในงานคนก็ไม่เยอะเดินสบาย


โชคดีที่เอาเลนส์ Wide ไปเผื่อด้วยเพราะใช้ 70-300mm ข้างในนี่จะถ่ายรถทีนึงต้องถอยไปเป็นสิบๆเมตร


คันนี้น่าจะเหมาะกับถนนเมืองไทย 555 แต่หน้านี้คงโดนฝนสาดแน่นอน




เจ้าตัวนั้นไปทำอะไรในรถเนี่ย








นี่คงจะใกล้เคียงกับการถ่ายรูป Pretty ที่สุดสำหรับผมแล้ว ไม่ใช่อะไรหรอกครับคือไม่เคยก็เลยไม่กล้าเข้าไปถ่ายรู้สึกอายๆยังไงก็ไม่รู้ ได้แต่ถ่ายคนถ่ายอีกที T-T แต่ถ้าอยากจะดูรูป Pretty จากงานนี้จริงๆผมว่าในเน็ตก็น่าจะมีให้ดูเพียบอยู่แล้วล่ะครับ


หลังจากที่เดินงาน Auto Salon 2013 เสร็จกลับมาที่สนามก็กำลังจะเริ่มแข่งรอบ 32 คันสุดท้ายพอดี ช่างภาพสื่อต่างๆก็กำลังเตรียมอุปกรณ์และจองที่กันข้างสนามแข่ง ส่วนช่างภาพบ้านๆอย่างเราก็ต้องมานั่งบนอัฒจันทร์ที่ไกลออกมาพอสมควร


ก่อนจะเริ่มยังมีผู้โชคดี (รึเปล่า) จากทางบ้านได้ลองนั่งรถให้นักแข่งดริฟรอบสนามด้วย


คนนี้ไม่ได้เอามอเตอร์ไซค์มาแข่งดริฟนะครับแต่เขาขี่เช็คความเรียบร้อยรอบสนามก่อนที่จะเริ่มแข่งจริงๆ


กำลังจะเริ่มแล้ว


มีแนะนำคู่ที่จะแข่งกันด้วย

 
ทุกอย่างพร้อม


3...2...1


Go Go Go !!!









มีแต่คนใช้กล้องเลนส์ขาวๆดู hi-so กว่าเราทั้งนั้นเลย :(




ถ่ายแบบแพนกล้องตามนี่ปวดหัวเหมือนกันครับถ่ายมาสิบใบจะใช้ได้สักหนึ่งแถมบางอันได้ action สวยๆแต่ดันไม่ชัดอย่างอันข้างบน เศร้า


พี่ช่างภาพคนนี้เหมือนอยู่ข้างๆสนามจะไม่สะใจ


สักพักเข้าไปถ่ายในสนามเลย












แก๊งนี้ได้ที่นั่งดีที่สุดในสนามเลย






พอดริฟเสร็จแต่ละรอบก็จะมีคะแนนจากกรรมการ โดยที่คู่แข่งแต่ละคนจะต้องผลัดกันเป็นคันนำและคันตาม ซึ่งคนตามก็จะต้องพยามดริฟตามคนนำให้ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าหมดสองรอบแล้วคะแนนเท่ากันก็จะต้องแข่งกันใหม่








คันสีเขียวนี่ผมแอบเชียอยู่เพราะรถดู Retro ไม่เหมือนใครดีแต่น่าเสียดายพลาดรถหมุนเลยตกรอบ





ครั้งหน้าสงสัยต้องทำเสื้อกั๊กมาเองจะได้ลงไปอยู่ข้างสนามบ้าง




พอแข่งเสร็จสองรอบก็ต้องมาจอดรอตรงทางออกสนาม ถ้ามีคนชนะก็ขับกลับไปที่ Pit แต่ถ้าเสมอกันก็ต้องขับกลับไปที่จุดเริ่มเพื่อแข่งใหม่


พอตกดึกแล้วยิ่งถ่ายยากเข้าไปอีก :(


ยิ่งถึงรอบลึกๆการแข่งขันก็ยิ่งดุเดือดขึ้น


ดริฟไปคู่กันมีจ้องหน้ากันด้วย



หมุนไปอีกหนึ่งคัน ควันนี่ไม่ใช่ไฟไหม้นะครับ มาจากยางเฉยๆ
























อันนี้ไฟลุกของจริง


สงสัยสาดโค้งแบบร้อนแรงไปหน่อย


รถฉุกเฉินได้มีงานทำแล้ว




พี่ช่างภาพสองคนนี้ฟิตจริงๆอยู่ตั้งแต่บ่ายยันเที่ยงคืนแถมยืนอยู่กลางสนามไม่มีหลังคาด้วย






เป้าหมายมีไว้พุ่งชน


เหมือนยิ่งตกดึกอุบัติเหตุก็ยิ่งมากขึ้น รถของเอ็ม อรรถพล ก็ไม่รอด


ไม่เป็นไรสนามหน้าเอาใหม่






Technology ซ่อมรถใหม่ล่าสุดจากญี่ปุ่น สก็อตเทป!!!


แข่งเสร็จแล้วมาจอดรถโชว์กันหน่อย


ขอบคุณครับที่ติดตามชม


ขอแถมนิดนึง ปัญหาใหญ่อันนึงเลยที่ผมเจอตอนไปถ่ายแข่งรถดริฟคือควันจากยางรถ


พอหลังจากที่รถเข้าโค้งแรกไปแล้วแทบไม่ต้องพยามจะถ่ายเลยเพราะควันจะเยอะมากจนมองอะไรไม่เห็นเลย