Tuesday, June 18, 2013

คืนปีใหม่ใจกลางกรุง - Sony a55


ภาพชุดนี้ถ่ายไว้นานมากกกแล้วตั้งแต่ตอนปีใหม่ 2010 ขึ้นต้น 2011  ต้องบอกก่อนว่าถึงผมจะชอบ HDR แต่ปรกติแล้วผมไม่ค่อยชอบ HDR แบบที่ process หนักมากๆจนภาพออกมาไม่สมจริงเท่าไหร่ แต่คืนนี้ผมอยากที่จะพยายามถ่ายทอดบรรยากาศที่ครึกครื้นและแสงสีของกรุงเทพฯในคืนวันปีใหม่ที่เต็มไปด้วยสีสันสดใส ซึ่งผมว่าการ process แบบนี้มันก็ถ่ายทอดออกมาได้ประมาณนึง


จริงๆผมชอบภาพแรกเพราะรายละเอียดเล็กๆต่างๆในรูปครับ แต่คงต้อง print ออกมารูปใหญ่ๆถึงจะเห็น ถ้าดูแค่ขนาดจอคงไม่พอ ผมเลยลอง zoom มาให้ดูบางส่วนครับ ผมชอบที่คนในภาพเบลอกำลังพอดีคือเห็นได้ถึงความเคลื่อนไหวและความคึกคัก แต่ก็ยังชัดพอที่จะเห็นรูปร่างและท่าทางของแต่ละคนได้


คืนปีใหม่ที่ถนนถูกปิดและทำเป็นถนนคนเดินบรรยากาศใจกลางเมืองกรุงเทพฯที่ไม่มีรถนั้นดีมากๆ ความรู้สึกเร่งรีบของชีวิตในเมืองใหญ่นั้นหายไปหมดเลยยิ่งได้ลมเย็นๆของหน้าหนาวด้วยแล้วหยั่งกับอยู่อีกโลกนึงเลย




อันนี้รูปสุดท้ายแล้วนะครับ หวังว่าคงจะไม่แสบตากันจนเกินไป :)

Friday, June 14, 2013

Fukuoka ฟุกุโอะกะเมืองเล็กๆที่น่าอยู่ในญี่ปุ่น - Sony a900 Carl Zeiss 16-35mm f2.8


ก่อนที่จะไปผมต้องยอมรับเลยว่าไม่เคยรู้จักเมืองที่ชื่อว่าฟุกุโอะกะมาก่อน ในญี่ปุ่นผมก็จะรู้จักแต่เมืองใหญ่ๆหรือดังๆหน่อยอย่างโตเกียวหรือฮอกไกโดไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนกันรึเปล่า เอหรือว่าผมหลังเขาอยู่คนเดียวกันเนี่ย -_- ผมว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่าเพราะตอนที่กลับมาแล้วเห็นในละครเรื่อง รักคุณเท่าฟ้า ที่ เคน ธีรเดช เล่นเป็นนักบินสายการบินมีตอนนึงไปเที่ยวฟุกุโอะกะกันด้วย (ผมไม่ได้อยากดูนะครับแต่โดนบังคับ T-T...จริงๆ) แสดงว่าจริงๆแล้วก็น่าจะเป็นที่รู้จักพอสมควร

ภาพแรกข้างบนเป็นทะเลสาบในสวนสาธารณะหลักของเมืองครับ ขนาดใหญ่มากๆเมื่อเทียบกับพื้นที่สวน ผมว่าน้ำเป็นส่วน 70% ของพื้นที่ทั้งหมดเลย ถ้ามองดีๆทางด้านขวาของภาพจะเห็นเครื่องบินครับ ไม่แน่ใจว่าเด็กในเรือกำลังชี้อยู่รึเปล่า


ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าเอไปโตเกียวเหมือนเคยดีกว่าไหมเมืองเล็กๆแบบนี้จะมีอะไรให้เที่ยวเหรอ แต่พอได้มาแล้วไม่เสียใจเลยครับ เมืองๆนี้มีเสน่ห์ของเขาเองจริงๆ

ที่เห็นข้างบนนี่ไม่ใช่สวนดอกไม้นะครับ เป็นแค่สวนเล็กๆข้างทางเดินข้างถนนในเมืองเท่านั้นเอง คิดดูถ้าสวนดอกไม้ของเขาจะขนาดไหน


คนที่นี่คงงงว่าเจ้านี่มันตื่นเต้นอะไรของมัน แหมก็บ้านผมดอกไม้มันไม่งามขนาดนี้นิครับ ข้างถนนมีแต่ไม้พุ่มสีเขียวอย่างเดียว


สองคนนี่เห็นแววเป็นนางแบบตั้งแต่เด็ก เห็นกล้องรีบวิ่งเข้าใส่เลย


อันนี้อีกรูปในสวนสาธารณะ ดูเหมือนคุณตากับต้นไม้ต้นนี้ยืดเส้นกันอยู่ริมน้ำ ไม่รู้ใครอยู่มานานกว่ากัน


อาหารอย่างนึงที่พลาดไม่ได้เวลามาญี่ปุ่นก็คือเนื้อย่าง Teppanyaki พูดถึงก็หิวอีกแล้วแต่ตอนไปเที่ยวก็ต้องห้ามใจตัวเองกินบ่อยไม่ได้มันแพงเหลือเกิน เวลาไปก็สั่งแค่ชิ้นเล็กๆพอบอกตัวเองกินเพื่อเอารสชาติและบรรยากาศเดี๋ยวค่อยกลับมากินเนื้อย่างบุฟเฟ่ต์ที่เมืองไทย

แต่อย่างนึงที่ผมทึ่งมากๆทุกครั้งที่มาร้านแบบนี้คือคนที่นี่รักความสะอาดจริงๆ พอปิ้งเนื้อเสร็จแล้วเขาจะถูทำความสะอาดเค้าเตอร์แบบขัดแล้วขัดอีก จนเวลาเห็นนี่นึกว่าเป็นเค้าเตอร์ใหม่เลย ถ้าเข้าไปร้านไหนแล้วเห็นกระทะดำผมแนะนำให้เดินออกเลยครับ ผมเคยครั้งนึงก็คิดอยู่ว่าร้านนี้แปลกไม่เคยเห็นร้านไหนปล่อยให้เป็นคราบแบบนี้ สรุปอาหารมื้อนั้นก็ทำไม่ค่อยอร่อยจริงๆ


อีกเรื่องที่คนที่นี่พิถีพิทันพอๆกับเรื่องอาหารก็คงจะเป็นเรื่องช้อปปิ้งหล่ะครับ ยิ่งถ้าเป็นของแบรนด์นี่ไม่ต้องพูดถึง


นี่คือห้าง Canal City ครับเป็นห้างดังของเมืองนี้ ข้างในจะมีแม่น้ำที่เขาทำขึ้นมาไหลผ่านกลางห้าง และจะมีแสดงน้ำพุคู่กับเสียงเพลงทุกๆครึ่งชั่วโมง


ตอนมาที่นี่โชคดีมากคือผมพึ่งซื้อเลนส์ Fisheye 16mm มาเพราะว่าราคาถูกกว่าที่เมืองไทย พอเดินเข้ามาใน Canal City นี่ก็เป็นภาพที่ผมเห็น คือลานหลักในห้างเป็นกลมๆพอดี พอมาถึงก็ได้ยินประกาศจากทางห้างเลยว่าอีกห้านาทีการแสดงน้ำพุจะเริ่ม อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนั้น ผมนี่แกะเลนส์ออกจากกล่องแทบจะไม่ทัน แหมพึ่งซื้อมาได้ไม่นานก็มีโอกาสได้ใช้ละ กำลังเห่อพอดี :)




อันนี้คือ Fukuoka Tower ครับ หอที่ข้างบนมีที่ชมวิว


หอนี้สูงประมาณ 100 เมตรครับ




อันนี้วิวจากข้างบนครับ อากาศใสๆอย่างนี้เห็นได้ทั้งเมืองจริงๆ




มุมนี้สำหรับคู่รักที่มาเที่ยวกัน ที่เห็นสีทองๆหลายๆอันคือ Lock ที่คู่รักสามารถซื้อแล้วเขียนชื่อตัวเองแล้วติดไว้ได้เพื่อให้ได้รักกันตลอดไป จะได้ผลรึเปล่าเขาไม่รับประกันนะครับ และผมก็คงไม่มีทางได้รู้เพราะว่ามาคนเดียว T-T


กลับลงมาข้างล่าง อันนี้เป็นรูปปั้นเกอิชาในเมืองครับ


อันนี้ไม่ใช่ตึกพิเศษอะไรผมแค่เห็นว่าตัวตึกที่ออกแบบเรียบมากๆตัดกับความเป็นธรรมชาติของต้นไม้ที่ปลูกอยู่ข้างหน้าสวยดีเลยถ่ายมาครับ


สรุปแล้วผมว่าสำหรับคนที่เคยเที่ยวเมืองอื่นๆในญี่ปุ่นแล้วแต่ยังอยากกลับมาที่ประเทศนี้อีกแล้วไม่รู้ว่าจะไปไหนผมขอแนะนำฟุกุโอะกะให้เป็นทางเลือกหนึ่งเลยครับ อาจจะเป็นแค่เมืองเล็กๆแต่ถ้าลองมาแล้วคุณอาจจะหลงรักในเสน่ห์ของเมืองนี้เหมือนผมก็เป็นได้

Thursday, June 13, 2013

เมื่อวันที่พายุเข้าเกาะสมุย - Sony a900 และ a55


ช่วงนี้ที่กรุงเทพฯฝนตกทุกวันอยู่ๆก็คิดถึงเมื่อตอนที่เคยไปเกาะสมุยตอนหน้าฝนแล้วพายุเข้าพอดี ตอนแรกที่รู้ว่าจะไปหน้าฝนก็แอบเศร้านิดนึงเพราะกะว่าจะไปถ่ายรูปสวยๆแบบแดดดีๆท้องฟ้าใสแจ๋วน้ำทะเลสีฟ้าถ้าพายุเข้าฝนตกมีแต่เมฆคงไม่ได้รูปดีๆแน่


สุดท้ายก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆฝนตกฟ้าไม่ใสเกือบทุกวัน แต่ผมคิดถูกแค่ครึ่งเดียว เวลาที่มีเมฆพายุกำลังเคลื่อนตัวเข้าเกาะจากทะเลมันก็ได้อารมณ์อีกแบบ แต่ก็คงโชคดีที่เป็นเมฆพายุถ้าเป็นแค่แบบท้องฟ้าครึ้มๆสีเทาๆแล้วฝนตกปรอยๆก็คงไม่สวยอยู่ดี


ตอนถ่ายรูปนี้เกือบไม่รอด ตามองผ่าน viewfinder ขยับไปขยับมาพยามจะให้เกาะอยู่ตรงกลาง เหลือบมาดูอีกทีโอนี่เรามายืนอยู่ตรงขอบหน้าผาตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่ถ้าก้าวไปอีกแค่ก้าวเดียวนะไม่อยากจะคิด ได้เป็น Man Of Steel แน่นอน แต่แค่ตอนตกลงไป 30 กว่าเมตรนะครับ ตอนชนพื้นคงเป็น Man Of Still (แน่นิ่งคาที่)


นั่งดื่มอะไรเย็นๆรอให้พายุผ่านดีกว่า (อันนี้เป็น prop เฉยๆนะครับผมไม่ได้ดื่ม ดื่มโค้กอย่างเดียว :P )


แน่นอนเมื่อพายุผ่านฟ้าก็ย่อมใส


ลงมาที่หาดบ้าง


แถม version ขาวดำครับ




คิดๆแล้วถ้ามีเวลาพยามออกไปหามุมในกรุงเทพฯเวลาพายุเข้าบ้างดีกว่า แต่ติดตรงที่ว่าเวลาฝนตกนี่รถติดกันเหลือเกินคนก็ต้องรีบเดินหลบฝนกันด้วย หาที่ถ่ายภาพยากเหมือนกัน สงสัยต้องไปหาที่ซุ่มรอก่อนฝนตก แล้วถ้าได้ภาพยังไงจะเอามาฝากนะครับ

Wednesday, June 12, 2013

กลับมาเพื่อถ่ายรูปฮ่องกง วันที่ 2 Victoria Peak - Sony a99 Carl Zeiss 16-35mm f2.8

ไม่รู้คนบนรถเมย์นึกว่านั่งรถไฟเหาะอยู่รึเปล่า ชูมือซะ

ไม่ได้มาฮ่องกงนานมากๆที่เที่ยวที่เคยไปก็จำไม่ค่อยได้แล้วว่าเป็นยังไงบ้างมาคราวนี้เลยถือซะว่ามาครั้งแรกใหม่เลยก็แล้วกัน แน่นอนถ้ามาครั้งแรกก็คงต้องไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวมหาชนต่างๆ วันนี้ก็เลยมุ่งหน้าสู่ Victoria Peak เพื่อไปเห็นวิวฮ่องกงจากมุมสูงที่เคยเห็นในทีวีและหนังสือท่องเที่ยวทุกๆเล่มด้วยตาตัวเอง แต่ถ้านั่งแท็กซี่ขึ้นไปเฉยๆก็คงเหมือนไปไม่ถึง ทางเดียวที่จะขึ้นไปแบบนักท่องเที่ยวตัวจริงมันต้องขึ้นรถ Tram ไป


พอดีโรงแรมที่พักอยู่ใกล้สถานีรถใต้ดิน Tsim Sha Tsui ก็เลยขึ้นไปลงที่สถานี Admiralty พอขึ้นมาก็จะเจอสวนสาธารณะ


จากนั้นเดินไปตามถนน Cotton Tree Drive ไม่นานก็จะถึงสถานีรถ Tram ระหว่างทางก็ยังมีตึกกับวิวสวยๆให้ดูด้วย








แต่ขอบอกนิดนึงถ้าคิดจะไปแนะนำให้ไปวันธรรมดานะครับ จำได้ว่าเมื่อก่อนเคยไปคนโล่งสบายมาก ครั้งนี้ผมพลาดไปวันอาทิตย์คนแน่นมาก ต้องรอคิว 20 นาทีกว่าจะได้ซื้อตั๋ว ตอนซื้อมีให้เลือกสองแบบว่าจะเอาแค่ตั๋วขึ้นรถ Tram อย่างเดียวหรือจะเอาแบบที่ใช้ขึ้นดาดฟ้าของ The Peak Tower ได้ด้วย ไอ้เรามันก็หลอกง่ายอยู่แล้วเลยจัดเต็มเอาแบบที่ขึ้นดาดฟ้าได้ด้วย


รูปข้างยนคือ The Peak Tower ที่อยู่ข้างบน Victoria Peak ครับ


กว่าจะขึ้นไปถึงดาดฟ้าได้ต้องผ่านด่านทดสอบก่อน ต้องขึ้นบันไดเลื่อนหลายชั้นที่แต่ละชั้นก็เรียงรายไปด้วยร้านต่างๆที่พร้อมจะรับฝาก (ถาวร) เงินของคุณ ผมก็เกือบไม่รอดแต่ก็อดใจไว้ได้เลยถึงข้างบนโดยที่เงินยังอยู่ครบ


ขนาดมองจากข้างในวิวยังสวยขนาดนี้แล้วจากข้างบนจะขนาดไหน


ถึงปรกติผมจะไม่ค่อยชอบที่ๆมีนักท่องเที่ยวเยอะๆแต่ที่นี่ต้องยอมครับ ถ้าพลาดไม่ได้ขึ้นมาคงเสียดายแย่เลย










สำหรับอภิมหาเศรษฐีคนไหนที่อยากได้เห็นวิวแบบนี้ทุกวันก็มาซื้อบ้านอยู่บนนี้ได้นะครับ ว่าแต่มีใครมีเงินเหลือให้ผมยืมบ้างไหม?






จริงๆแล้วมุมที่ผมชอบมากที่สุดข้างบน Victoria Peak ไม่ใช่ข้างบน Peak Tower นะครับ แต่ไม่ไกลจากหอจะมีทางเดินที่วนรอบทั้งยอดเขา วิวข้างทางสวยไม่แพ้ข้างบนดาดฟ้าเลยและที่สำคัญเข้ามาเดินได้ฟรีด้วย :) อีกอย่างสองข้างทางต้นไม้เยอะมากเย็นสบายเดินได้ไม่ร้อนเลย นักท่องเที่ยวก็น้อยส่วนใหญ่เป็นคนที่นี่มาเดินเล่นวิ่งจ๊อกกิ้งหรือปั่นจักรยานกัน ถ้าจะเดินรอบผมว่าให้เผื่อเวลาไว้สักสองชั่งโมงนะครับเพราะค่อนข้างไกลอยู่
















ถ้าเดินเหนื่อยก็นั่งพักชมวิวก่อนได้นะครับ ข้างทางจะมีม้านั่งอยู่เป็นช่วงๆ แต่อย่าเป็นเหมือนผมนะครับมัวแต่นั่งดูวิวมารู้ตัวอีกทีผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้วเพราะบรรยากาศที่นี่ดีจริงๆ